ปกติแล้วเมื่อเรารับประทานอาหาร อาหารจะถูกลำเลียงจากบนสู่ล่าง จากหลอดอาหารสู่กระเพาะอาหาร แต่รู้หรือไม่ว่าการที่ร่างกายเรามีกรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารขึ้นไปในหลอดอาหารก็ถือเป็นเรื่องปกตินะ! เพราะนั่นคือปฏิกิริยาที่เกิดกับร่างกายหลังจากรับประทานอาหารนั่นเอง
แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือเมื่อไหร่ก็ตามที่ปริมาณของสารคัดหลั่งในกระเพาะอาหาร กรด หรือแก๊สต่างๆ มีมากเกินไป หรือมีความถี่ในการไหลย้อนบ่อยไป จนทำให้หลอดอาหารไวต่อกรด สะสมเป็นเวลานาน จึงทำให้ปริมาณกรดที่ไหลย้อนขึ้นในครั้งต่อไปแม้จะไม่มากเท่าครั้งก่อนๆ แต่ก็กระตุ้นให้กรดไหลย้อนอาการรุนแรงขึ้นกลายเป็นโรคก่อกวนสุขภาพร่างกาย กวนใจได้ง่ายๆ
ฉะนั้นเราจึงต้องมีวิธีแก้อาการกรดไหลย้อนอย่างถูกต้อง พูดง่ายๆ ก็คือวิธีที่ช่วยควบคุมกรดไหลย้อนไม่ให้เกิดมากเกินไป และไม่เกิดบ่อยเกินไป เป็นวิธีลดกรดไหลย้อนที่ทำได้ง่ายโดยเริ่มจากการปรับพฤติกรรมที่เคยทำทุกวัน จะได้ไม่ต้องใช้ยารักษาหรือกินยาแก้กรดไหลย้อนให้เหนื่อย แต่ปริมาณของกรดที่ไหลย้อนต้องมากขนาดไหน และมีความถี่มากเพียงใดถึงจะเรียกได้ว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน ลองไปดูเช็กลิสต์สังเกตตัวเองกัน หากมีอาการเหล่านี้ ถือว่าคุณมีโรคกรดไหลย้อนในครอบครองแล้วนะ!
ช็กลิสต์อาการ ‘โรคกรดไหลย้อน’ เกิน 5 ข้อขึ้นไปคือใช่เลย
เรามาลองทำเช็กลิสต์กันหน่อยหากคุณตอบว่าใช่เกิน 5 ข้อในลิสต์นี้ แนะนำว่าให้ทำตามวิธีลดกรดไหลย้อนในหัวข้อถัดไปได้เลย
- หลังจากรับประทานอาหารมื้อหนัก จะมีอาการแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ ลามมาหน้าอกและลำคอ
- เรอบ่อย มีอาหารย้อนขึ้นมา และมักมีน้ำรสเปรี้ยวหรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาในลำคอจนถึงปาก
- ท้องอืด แน่นท้อง คลื่นไส้หรือาเจียนหลังรับประทานอาหาร
- จุกเสียดแน่นท้องบริเวณลิ้นปี่ ลามถึงหน้าอก
- กลืนติดขัดเหมือนมีก้อนจุกในคอ
- ไอแห้งเรื้อรัง เสียงแหบ เจ็บคอเนื่องจากกรดไหลย้อนมาที่บริเวณกล่องเสียง ทำให้กล่องเสียงอักเสบ
- เจ็บหน้าอก หรือมีอาการไซนัสอักเสบ
- แสบร้อนหน้าอกเมื่อโน้มตัวไปข้างหน้า นอนหงาย หรือยกของหนัก
ข้อสังเกตความแตกต่างของโรคกรดไหลย้อนและโรคกระเพาะอาหารคือ อาการของโรคกระเพาะอาหารจะไม่มีอาการแสบร้อนถึงหน้าอกและคอ แต่จะแสบท้องช่วงใต้ลิ้นปี่แทน และอาจมีเรอบ่อยหรือน้ำขย้อนขึ้นมาบ้างช่วงหลังกินอิ่มใหม่ๆ
5 วิธีลดกรดไหลย้อน ง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งยา
เป็นที่รู้กันดีว่าสาเหตุหลักๆ ของการเกิดกรดไหลย้อนมาจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของเรานี่แหละ เพราะงั้นการแก้ไขให้ตรงจุดด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง แน่นอนว่าจะช่วยลดกรดไหลย้อนได้ในระยะยาว แถมยังทำได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องพึ่งยาเคลือบและรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ยาลดการหลั่งกรด หรือยาเพิ่มการบีบตัวของหลอดอาหารและกระเพาะอาหารไปเลย ใครยังไม่ได้ลองวิธีเหล่านี้ ต้องปรับดูแล้วจะรู้ว่าดีจริง
1. สวมใส่เสื้อผ้าสบายๆ ไม่รัดรูปหรือแน่นจนเกินไป
แม้ว่าการสวมใส่เสื้อผ้าเข้ารูปจะเป็นแฟชั่นฮิต หรือการใส่สไตล์รัดรูปแน่นๆ จะเป็นการเน้นให้เห็นทรวดทรงองค์เอว และทำให้รู้สึกมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้า แต่การทำเช่นนี้บ่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดีเลย เพราะจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ในระยะยาว
เนื่องจากความคับและรัดแน่นของเสื้อผ้าและแฟชั่นที่เราสวมใส่นั้นจะเป็นการบีบรัดรูปร่าง รวมถึงส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะภายในได้ ลองนึกภาพตอนกินอาหารอิ่มๆ แล้ววันนั้นเราใส่กางเกงหรือกระโปรงเอวสูงมา หรือมีเข็มขัดรัดเอวเท่ๆ โชว์เอวกิ่วคอดตามแฟชั่นทั้งที่กินอาหารเข้าไปจนแน่น แถมกินแล้วได้แต่นั่งทำงานอยู่กับที่ไม่ได้ขยับไปไหน ลองถามใจ ถามกระเพาะและลำไส้ดูว่าจะบีบตัว หรือลำเลียงอาหารอย่างสะดวกได้ยังไง
ทางที่ดีจึงควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อสบายๆ สไตล์โอเวอร์ไซส์ หรือลองใส่ตัวโคร่งๆ ในบางวันสลับๆ กันไปบ้าง เพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย ได้เปิดให้อวัยวะทำงานได้เต็มที่ ที่สำคัญแฟชั่นโอเวอร์ไซส์ก็ไม่เคยตกยุคด้วยนะ
2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รักษาน้ำหนักตัวให้คงที่
การมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไป หรือมีภาวะอ้วน เป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการกรดไหลย้อนได้ง่าย เพราะเมื่อน้ำหนักตัวมากเกินไปจะทำให้แรงกดต่อกระเพาะอาหารเพิ่มยิ่งขึ้น ความดันในช่องท้องมากขึ้น และทำให้กรดไหลย้อนกลับได้ง่ายมากขึ้น
ทางแก้คือควรรักษาน้ำหนักให้อยู่ในระดับมาตรฐานของตัวเอง เอาที่เคลื่อนไหวหายใจสะดวก ใส่เสื้อผ้าแล้วคล่องตัว ไม่รู้สึกอึดอัดตัวเอง และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการเผาผลาญพลังงาน และช่วยให้ร่างกายได้ขยับเขยื้อน ส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะภายในและจิตใจที่ดีขึ้นได้อีกด้วย
3. ทำใจให้สบาย ผ่อนคลาย ไม่เครียด
ความเครียดเป็นสาเหตุตัวร้ายของหลายๆ โรค โรคกรดไหลย้อนก็เช่นกันที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะความเครียดส่งผลในด้านลบต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย และอาจเกิดภาวะหลอดอาหารมีความไวเกินต่อสิ่งกระตุ้น จนทำให้หลอดอาหารอ่อนไหวต่อกรดแม้มีกรดไหลย้อนขึ้นมาเพียงเล็กน้อย
นอกจากนี้ความเครียดยังทำให้เกิดการหลั่งกรดมากขึ้น ฉะนั้นการทำใจให้สบาย หาเวลาผ่อนคลายตัวเองบ้าง จะเป็นการนอนพักผ่อนให้มากขึ้น หางานอดิเรกที่ชอบทำ ออกกำลังกายในวิธีที่ถนัด หรือดูหนังฟังเพลงสบายๆ ก็ได้ จะช่วยให้ไม่เครียดมากเกินไป และลดอาการกรดไหลย้อนได้อีกด้วย
4. ปรับท่านอนหรือหนุนหัวให้สูงอย่างน้อย 6 นิ้ว
ปรับการนอนก็ช่วยได้ เวลานอนให้ปรับท่านอนโดยหนุนหัวให้สูงอย่างน้อย 6 นิ้ว หรือ10 นิ้วจากพื้นราบ อาจใช้วัสดุช่วยรองขาเตียง แต่ไม่ควรใช้หมอนรองศีรษะเพื่อยกศีรษะให้สูงขึ้นเท่านั้นเพราะจะทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น
5. ปรับพฤติกรรมการกิน/ดื่ม ช่วยลดกรดไหลย้อน
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการช่วยลดกรดไหลย้อนคือการปรับพฤติกรรมที่เกี่ยวกับการกินอาหาร ตั้งแต่ การหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด หลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารทอด อาหารไขมันสูง เช่น ช็อกโกแลต ฟาสต์ฟู้ด รวมถึงเครื่องดื่มอย่างชา กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และไม่สูบบุหรี่ อาหารย่อยยาก เช่น หัวหอม กระเทียม มะเขือเทศ ไปจนถึงเลี่ยงรสชาติอาหารรสจัดต่างๆ ทั้งเปรี้ยวจัด เผ็ดจัด หวานจัด เค็มจัด
นอกจากนี้ยังต้องปรับ การเคี้ยวอาหารให้ละเอียด เคี้ยวให้นานขึ้นและช้าลง การจำกัดปริมาณอาหารให้พอดี ไม่กินครั้งละมากๆ หรือกินจนอิ่มแน่นท้องเกินไป กินในครั้งละน้อยๆ แต่กินให้บ่อยขึ้นได้ และการเคลื่อนไหวร่างกายหลังกินอิ่ม เพียงเดินช้าๆ หรือขยับตัวทำกิจกรรมต่างๆ ทำงานบ้านงานเรือนก็ช่วยได้ และค่อยนอนหลังจากกินอิ่มไปแล้ว 3 ชั่วโมง
และสิ่งที่ต้องใส่ใจให้มากคือการเลือกกินอาหาร อย่างอาหารอ่อนๆ เคี้ยวง่าย ย่อยง่าย หรืออาหารที่ดีต่อระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย เพราะกากใยที่ดีรวมถึงอาหารที่ดีต่อระบบย่อยจะช่วยให้การทำงานของกระเพาะและลำไส้ยิ่งทำงานประสานกันได้ดี
แต่ถ้าไม่อยากหากินอาหารเหล่านี้ให้ยุ่งยาก ลองดื่มเครื่องดื่มที่ช่วยปรับสมดุลร่างกายแบบครบวงจรในขั้นตอนเดียวอย่าง “Holista Probiotic Fiber Detox” ที่ดีต่อระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ช่วยลดกรดไหลย้อนได้อย่างลงลึกถึงต้นตอก็จะสะดวกต่อชีวิตประจำวันยิ่งขึ้น
ลดกรดไหลย้อน แบบไม่ต้องพึ่งยา เพียงดื่ม “Holista Probiotic Fiber Detox”
ด้วยส่วนผสมที่เป็นไฮไลต์อย่างโปรไบโอติก หรือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ และ Plant Enzyme เอนไซม์ธรรมชาติ สกัดจากกีวีสีทองและขมิ้นชัน ช่วยฟื้นฟูระบบย่อยอาหารและลดอาการอักเสบในร่างกาย พร้อมทั้งปรับสมดุลการเผาผลาญในร่างกายให้ทำงานดีขึ้น ดังนั้นจึงช่วยลดอาการเรอเปรี้ยวและกรดไหลย้อนได้ตรงจุด รวมถึงลดอาการท้องอืดง่าย จุก เสียด แน่นท้องแก๊สเยอะ
จุดที่น่าสนใจคือส่วนประกอบอย่าง Probiotic เป็นจุลินทรีย์มีประโยชน์นำเข้าจากอเมริกาที่มีนวัตกรรม Spore-forming probiotic จึงสามารถทนต่อกรดในน้ำลายและกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้จุลินทรีย์รอดชีวิตไปจนถึงลำไส้ ช่วยปรับสมดุลลำไส้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่าจุลินทรีย์ในโยเกิร์ต ถึง 100 เท่า และยังมี Prebiotic อีก 8 ชนิด อาทิ กีวีไฟเบอร์ พรุนไฟเบอร์ ผงอาซาอิ เป็นต้น ช่วยเป็นอาหารให้จุลินทรีย์ชนิดดีและเสริมสร้าง Postbiotic ทำให้มีจุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้มากขึ้น ช่วยดีท็อก ล้างสารพิษ ป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบขับถ่ายได้อีกมากมาย
แถมยังมี Super Fruits ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและสารต้านอนุมูอิสระมากถึง 9 ชนิด เช่น สารสกัดจากทับทิม สารสกัดจากอะเซโรล่าเชอร์รี่ แอล-กลูต้าไธโอน เป็นต้น โดยส่วนประกอบที่ดีเหล่านี้รวมอยู่ในเพียงเครื่องดื่มโฮลิสต้าในซองเดียว
ลองดื่มวันละซอง ก่อนนอนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ผสมในน้ำดื่มเย็นหรือไม่เย็นก็ได้ ปริมาณ 150-200 มล. คนให้เข้ากันแล้วดื่มทันที จะช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อน ช่วยลดกรดเกินในกระเพาะอาหาร ลดอาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง และลดการอักเสบในกระเพาะอาหาร เป็นการฟื้นฟูระบบย่อยอาหารได้อย่างดี นอกเหนือจากนั้นยังช่วยกำจัดแป้งและไขมันส่วนเกินในร่างกายให้ขับออกมาพร้อมอุจจาระ ปรับสมดุลลำไส้ ฟื้นฟูระบบขับถ่าย ให้ขับถ่ายสุดได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ย้ำอีกครั้งว่าทั้ง 5 วิธีลดกรดไหลย้อนเหล่านี้ สามารถช่วยฟื้นฟูระบบย่อยอาหารได้ดี ลดกรด ลดแก๊สในกระเพาะ และปรับสมดุลร่างกายได้ เพียงแต่ควรปรับพฤติกรรมเหล่านี้ ฝึกให้เป็นนิสัย และหมั่นดูแลร่างกายเป็นประจำ จะได้ห่างไกลจากการใช้ยารักษา ไม่ต้องกินยาเคลือบกระเพาะ หรือยาลดกรดใดๆ ไม่ต้องทนกับรสชาติของยาที่รสชาติไม่อร่อยและอาการที่กวนใจไปอีกนาน
