หนึ่งในปัญหาสุขภาพยอดฮิตที่พบเจอได้ในคนทุกเพศทุกวัยก็คือ ปัญหาเรื่องการขับถ่าย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุก็มักเจอกับ อาการท้องผูก ได้ง่ายขึ้น สาเหตุก็เป็นเพราะเมื่ออายุเพิ่มขึ้นและร่างกายเริ่มแก่ตัวลง อาจทำให้ระบบเผาผลาญทำงานช้าลงไม่เหมือนกับตอนอยู่ในวัยหนุ่มสาวอีกต่อไป ส่งผลให้ทั้งระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จนกลายเป็นปัญหาท้องผูกในผู้สูงอายุ
แล้วนอกจากปัญหาท้องผูกผู้สูงอายุจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว รับประทานอาหารได้น้อยลงกว่าปกติ หรือเป็นตัวการนำไปสู่โรคภัยไข้เจ็บ อย่างริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้แล้ว ยังอาจกระทบต่อสภาพจิตใจจนทำให้เกิดความเครียดและไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นลูกหลานที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ในบ้าน จึงต้องหมั่นสังเกตอาการและความผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องการขับถ่ายของผู้สูงอายุอย่างสม่ำเสมอ
วันนี้เราจะพาไปเจาะลึกเกี่ยวกับปัญหาท้องผูกผู้สูงอายุว่า อาการท้องผูกเป็นอย่างไร? มีปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ผู้สูงอายุท้องผูก ? รวมถึงแชร์ 5 วิธีดูแลผู้สูงอายุท้องผูกแบบง่ายๆ ไม่ต้องพึ่งยาระบายด้วย
อาการท้องผูกเป็นอย่างไร ?
หากอยากจะแก้ปัญหาสุขภาพอย่างตรงจุด ก็ควรศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพนั้นๆ ก่อนเป็นอันดับแรก สำหรับคนที่สงสัยว่าผู้สูงอายุที่บ้านกำลังเผชิญกับอาการท้องผูกอยู่ในขณะนี้หรือไม่ หรือยังเกิดความข้องใจว่าอาการท้องผูกเป็นอย่างไร ก็ตามมาดูเฉลยได้เลย
วิธีเช็กแบบง่ายๆ ว่าผู้สูงอายุมี อาการท้องผูก อยู่หรือไม่ สังเกตได้จากว่าหากผู้สูงอายุถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้ง / สัปดาห์ หรือเกิดภาวะขับถ่ายยาก มีความรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระ แต่ต้องใช้เวลานานและต้องออกแรงเบ่งมากกว่าปกติ หรือหลังจากที่ขับถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีอาการปวดท้องหรือรู้สึกเหมือนยังขับถ่ายออกไปไม่หมด อาการที่เรากล่าวไปทั้งหมดนี้ถือว่าเข้าข่ายอาการท้องผูกได้ทั้งหมด
ปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงอายุท้องผูก
หลังจากที่ได้รู้ไปแล้วว่าอาการท้องผูกมีลักษณะเป็นอย่างไร คราวนี้ก็ได้เวลาทำความเข้าใจเพิ่มเติมแล้วว่ามีปัจจัยใดบ้างที่อาจนำไปสู่อาการท้องผูกผู้สูงอายุได้บ้าง… โดยอาการท้องผูกเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งชนิดของอาหารที่ได้รับในแต่ละวัน ปริมาณการดื่มน้ำ การเคลื่อนไหวร่างกาย และความเจ็บป่วย หากอยากรู้ว่าผู้สูงอายุมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการท้องผูกขึ้นได้รึเปล่า ก็ตามไปเช็กปัจจัยเสี่ยงพร้อมกันเลย
- ขาดอาหารประเภทกากใยอย่างผักและผลไม้ เนื่องจากอาหารประเภทนี้มีลักษณะแข็ง เหนียว และเคี้ยวยาก พอร่างกายไม่ได้รับกากใยก็จะส่งผลให้ขับถ่ายลำบากขึ้น
- ดื่มน้ำในปริมาณน้อยเกินไปในแต่ละวัน ด้วยความที่ผู้สูงอายุมักมีปัญหากลั้นปัสสาวะไม่อยู่ จึงหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำ และเกิดปัญหาผู้สูงอายุท้องผูกตามมาได้
- ติดนิสัยกลั้นอุจจาระเพราะกังวลเกี่ยวกับเรื่องการเคลื่อนไหวและลุกนั่งลำบาก จนทำให้เวลาในการขับถ่ายรวน พอถึงเวลาที่ควรต้องขับถ่ายกลับถ่ายไม่ออก
- ขาดการออกกำลังกายเพราะกลัวบาดเจ็บ หรือมีโรคเรื้อรังที่เป็นอุปสรรคต่อการขยับตัว พอไม่ได้ออกกำลังกายก็อาจส่งผลให้ลำไส้เคลื่อนตัวช้าและมีปัญหาท้องผูกได้
5 วิธีดูแลผู้สูงอายุท้องผูก ไม่ต้องพึ่งยาระบาย
พอได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาท้องผูกผู้สูงอายุ และทราบปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงอายุมีอาการท้องผูกแล้ว ก็อย่ามัวนิ่งนอนใจหรือปล่อยปละละเลยปัญหาสุขภาพเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด เพราะหากปล่อยไว้นานอาจกลายเป็นปัญหาที่แก้ยาก ต้องใช้เวลารักษานาน และส่งผลเสียต่อสุขภาพตามมาอีกมากมาย เราจึงรวบรวม 5 วิธีดูแลผู้สูงอายุท้องผูก ไม่ต้องพึ่งยาระบาย มาให้ได้ลองนำไปปรับใช้ตามกัน ดังนี้
(1) รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง
การใส่ใจดูแลเรื่องอาหารการกินถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหาท้องผูกผู้สูงอายุได้ โดยควรเลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยสูงเพิ่มขึ้น ทั้งผักและผลไม้ เพื่อช่วยกระตุ้นการขับถ่ายและเพิ่มกากใยอาหารให้ถ่ายอุจจาระคล่องขึ้น
(2) ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 - 10 แก้ว
หากผู้สูงอายุดื่มน้ำปริมาณน้อยในแต่ละวัน ก็ควรปรับเปลี่ยนให้ดื่มน้ำอย่างน้อยวัยละ 8 – 10 แก้ว แต่ไม่ควรให้ดื่มรวดเดียวในปริมาณเยอะๆ แต่ให้ค่อยๆ จิบน้ำตลอดทั้งวันแทน
(3) ฝึกขับถ่ายเป็นเวลา
การฝึกขับถ่ายเป็นวิธีจัดการปัญหาท้องผูกได้อย่างประสิทธิภาพ ควรจัดตารางเวลาการเข้าห้องน้ำให้ขับถ่ายเป็นเวลา เพื่อให้ร่างกายรู้สึกชินและปรับตัวให้ขับถ่ายในเวลาเดิมเป็นประจำทุกวัน
(4) ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ชวนผู้สูงอายุลุกขึ้นมาออกกำลังกายเบาๆ อาจเป็นการเดินช้าๆ แกว่งแขน หรือกายบริหารเบาๆ เพื่อกระตุ้นให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหว และส่งผลให้ขับถ่ายคล่องขึ้นกว่าเดิม
(5) หาตัวช่วยเสริมกระตุ้นการขับถ่าย
และวิธีดูแลปัญหาท้องผูกในผู้สูงอายุข้อสุดท้าย สำหรับคนที่อยากได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วก็คือ การหาตัวช่วยเสริมเพื่อกระตุ้นการขับถ่าย แต่ไม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มียาระบาย เพราะอาจทำให้ติดยาถ่ายจนไม่สามารถขับถ่ายได้ด้วยตัวเอง แล้วหากยังไม่รู้ว่าจะเลือกผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่ปลอดภัยและเหมาะสำหรับผู้สูงอายุ เราก็มี ‘ HOLISTA Probiotic Fiber Detox ’ มาแนะนำกัน
โดย HOLISTA เป็นผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยดูแลตั้งแต่ระบบย่อยอาหารไปจนถึงระบบขับถ่าย พร้อมปรับสมดุลร่างกายแบบครบวงจรในขั้นตอนเดียวอย่างปลอดภัย การันตีด้วยรางวัลนวัตกรรมสินค้าเพื่อสุขภาพแห่งปี 2021 ในหมวด INNOVATION READER’S VOTE จากนิตยสารชีวจิต และมีมาตรฐานรับรองมาตรฐานระดับสากล GMP, HACCP, HALAL และเลขทะเบียน อ.ย.
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ตัวนี้อยู่ตรงที่มีส่วนประกอบครบทั้ง Probiotic จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ที่มีนวัตกรรม Spore-forming probiotic ทนต่อกรดในน้ำลายและกรดในกระเพาะอาหาร จึงส่งตรงเข้าปรับสมดุลลำไส้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมด้วย Prebiotic มากถึง 8 ชนิด ที่เป็นอาหารของจุลินทรีย์ตัวดีในลำไส้ และช่วยสร้าง Postbiotic เพื่อเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ชนิดดีมากขึ้น จึงช่วยให้ลำไส้แข็งแรง ดูดซึมสารอาหารได้ดี รวมถึงช่วยดีท็อกซ์ล้างสารพิษและป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบขับถ่ายได้
นอกจากนี้ยังมี Plant Enzyme สกัดจากกีวีสีทองและขมิ้นชัน และ Super Fruits อีกมากถึง 9 ชนิด ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและต้านอนุมูลอิสระ จึงเข้าไปช่วยแก้ปัญหาท้องผูกและกรดไหลย้อน ได้อย่างลงลึกถึงต้นตอเลยทีเดียว ที่สำคัญ HOLISTA ไม่มีส่วนผสมของยาระบาย / ยาถ่าย หมดปัญหาถ่ายพร่ำเพรื่อ เลิกทานแล้วก็ยังถ่ายเองได้ตามปกติ และไม่มีน้ำตาล ผู้สูงอายุจึงรับประทานได้อย่างสบายใจ
วิธีรับประทานแนะนำให้ทานวันละ 1 ซอง ดื่มก่อนนอนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง โดยฉีกซองเทผลิตภัณฑ์ผสมน้ำธรรมดาหรือน้ำเย็น 150 – 200 มล. คนให้เข้ากันแล้วดื่มทันที จากนั้นก็ให้ดื่มน้ำเปล่าตามอีก 1 แก้ว ก็จะช่วยกระตุ้นให้ถ่ายท้องได้ดีในช่วงเช้า และรู้สึกโล่งสบายท้องหลังถ่ายอุจจาระตั้งแต่ซองแรกที่ทาน
หากสนใจซื้อผลิตภัณฑ์ ‘ HOLISTA Probiotic Fiber Detox ’ ไปเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาท้องผูกผู้สูงอายุ ก็สามารถหาซื้อได้ที่ร้านยาและโรงพยาบาลชั้นนำ ทั้งร้านยา Healthy Max สาขา รพ.บำรุงราษฎร์, รพ.พระราม 9, รพ.ศิริราชปิยมหาราชการุณย์, ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล หรือร้านเลมอนฟาร์ม, ร้านสบายใจ, ร้านภูมิใจไทย, ร้านชีวิตดี by SCG ทุกสาขา
ในราคากล่องละ 1,890 บาท ( บรรจุ 7 ซอง | ทานได้ 7 วัน ) และ ณ ตอนนี้มีโปรโมชั่น ซื้อ 1 แถม 1 จ่ายเพียง 990 บาท แต่ได้ไปถึง 2 กล่อง รวม 14 ซองเลยทีเดียว
สรุป
ปัญหาท้องผูกในผู้สูงอายุ ยิ่งรีบแก้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็ยิ่งมีโอกาสรักษาให้หายได้ไว เพราะฉะนั้นจึงต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรมการขับถ่ายของผู้สูงอายุในบ้านอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เพื่อช่วยกระตุ้นให้ผู้สูงอายุขับถ่ายคล่องขึ้น เช่น เลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง, ดื่มน้ำเปล่าวันละ 8 แก้วขึ้นไป, ขยับตัวออกกำลังกาย, ฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา เป็นต้น หากทำได้ตามที่เราแนะนำไปทั้งหมด ก็จะช่วยแก้ปัญหาท้องผูกและป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับการขับถ่ายได้อย่างแน่นอน
อ้างอิง :