มีใครบ้างไม่เคยท้องผูก ?
ใครตอบว่าไม่เคยท้องผูก เราให้โอกาสคิดดูอีกที แต่ถ้าตอบว่าเคยท้องผูกล่ะก็ พวกคุณมาถูกทางแล้ว เพราะพูดได้เลยว่าเราทุกคนต้องเคยมีอาการท้องผูกกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวหรือเป็นแบบเรื้อรัง
และเมื่อภาวะท้องผูกเป็นสิ่งที่ทุกคนเคยเป็น ดังนั้นสิ่งต่อมาที่จำเป็นมากๆ สำหรับพวกเราก็คือ “วิธีแก้ท้องผูก” นั่นเอง เราเชื่อว่าทุกคนน่าจะเคยลองใช้วิธีแก้ท้องผูกกันมาหลายวิธี บางวิธีก็อาจจะช่วยได้บ้าง บางวิธีก็ช่วยได้ดีมากๆ และบางวิธีก็อาจช่วยไม่ได้เลย
ฉะนั้นวันนี้เราเลยคัดเลือกวิธีที่ดีที่สุด สรุปมาเป็น 3 วิธีง่ายๆ ที่สามารถช่วยแก้ท้องผูกได้จริงและเป็นวิธีที่คุณหมอแนะนำ รับรองว่าไม่ว่าคุณจะเป็นคนร่างกายแบบไหน ไลฟ์สไตล์ยังไง ธาตุหนักหรือธาตุเบาก็สามารถแก้ปัญหาท้องผูกได้ ด้วยการทำตาม 3 วิธีนี้ และถ้าคุณเองก็ไม่แน่ใจว่าอาการแบบนี้จะเรียกว่าท้องผูกได้รึยัง? หรือว่ามันก็เป็นภาวะปกติของการขับถ่ายกันแน่ ขอให้อ่านให้เคลียร์ในหัวข้อถัดไปเลยว่า อาการแบบนี้มันใช่รึเปล่านะ!?
แบบนี้สิถึงเรียกว่า ‘ท้องผูก’ เข้าใจให้ถูกซะก่อน!
หลายๆ ครั้งที่เราคิดว่าตัวเองถูกภาวะท้องผูกเล่นงานเข้าให้แล้ว แต่จริงๆ หากถามคุณหมอก็อาจจะบอกว่าเราไม่ได้มีอาการท้องผูกนะ ถ้าอย่างนั้นมาลองตรวจเช็กอาการของตัวเองกับอาการของท้องผูกที่แท้จริงกันดีกว่า จะได้รู้ว่าที่เราเข้าใจอยู่มันถูกหรือผิด
ก่อนอื่นเลยเมื่อมีภาวะท้องผูกจะเป็นลักษณะที่ลำไส้ไม่สามารถขับถ่ายอุจจาระได้ง่ายและสม่ำเสมอ นั่นหมายความว่าการถ่ายอุจจาระแต่ละทีเป็นไปอย่างลำบาก ถ่ายได้ไม่สุด หรืออุจจาระแข็งต้องใช้แรงมากในการเบ่ง ทำให้ขับถ่ายเป็นเวลานานกว่าเดิม และรู้สึกไม่สบายตัวในการขับถ่าย อาจท้องอืด แน่นท้องลมเยอะ หรือเจ็บปวดเวลาถ่าย
และอีกข้อสังเกตหนึ่งที่สำคัญคือความถี่ในการขับถ่ายอุจจาระที่เปลี่ยนไปจากปกติ คือนอกจากขับถ่ายอุจจาระได้ยากแล้วยังถ่ายไม่ออกหลายวัน บ้างก็วันเว้นสองวัน หรือสามสี่วันครั้ง นั่นหมายความว่าภาวะท้องผูกต้องมี 2 เหตุการณ์นี้เกิดร่วมกันคือลักษณะของการขับถ่ายไม่ออก ขับถ่ายได้ยาก และจำนวนความถี่ในการขับถ่ายไม่เป็นไปตามปกติในชีวิตประจำวัน เมื่อเกิดทั้ง 2 สถานการณ์นี้พร้อมกันแสดงว่าคุณถูกภาวะท้องผูกเล่นงานแล้วจริงๆ
ฉะนั้นคนที่ไม่ได้ขับถ่ายทุกวันจึงไม่ได้หมายความว่ามีภาวะท้องผูก เพราะหากเราถ่ายอุจจาระสามวันครั้งเป็นประจำอยู่แล้ว หรือแม้แต่ถ่ายวันละสามครั้งทุกวันมาแต่ไหนแต่ไร นั่นถือว่าเป็นการขับถ่ายที่เป็นปกติของร่างกายเรา ไม่ได้เข้าข่ายภาวะท้องผูกเลย
และแม้ว่าเราจะรู้จักแล้วว่าอาการท้องผูกที่ถูกต้องเป็นยังไง และมักจะทดลองวิธีแก้ท้องผูกมาแล้วนับไม่ถ้วนก็ตาม แต่นี่คือ 3 วิธีแก้ท้องผูกง่ายๆ ย้ำว่าง่ายมากจริงๆ เพราะไม่ว่าธาตุภายในของคุณจะเป็นแบบไหน หากลองใช้ 3 วิธีนี้แล้วจะรู้สึกได้ถึงการขับถ่ายที่ดีขึ้นแน่ๆ
3 วิธีแก้ท้องผูก ทำง่าย คุณหมอแนะนำ
หากสรุปวิธีสำหรับแก้ท้องผูกที่เอาอยู่ ได้ผลชะงัดจริงๆ ขอแนะนำว่าให้เลือกเริ่มจาก 3 วิธีนี้ ซึ่งเป็นวิธีที่เป็นการช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น เป็นวิธีเริ่มต้นที่ควรได้รับการปรับแก้เป็นจุดแรกๆ และเมื่อเราปรับจนเป็นประจำแล้วย่อมสร้างคุณลักษณะที่ดีในการทำงานของอวัยวะภายใน สร้างระบบขับถ่ายที่ดีในระยะยาว แก้ท้องผูกได้ง่ายๆ ไม่ต้องถึงขั้นพึ่งยาระบายแน่นอน
1. ดื่มน้ำเปล่าให้เยอะขึ้น
หลายคนอาจคิดว่าเราเองก็ดื่มน้ำเยอะแล้วนะ นี่ยังไม่พออีกหรอ? หรือบางคนก็เคยลองทำแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นดีขึ้นเลย ช้าก่อน! ลองเช็กให้แน่ใจอีกทีว่าดื่มน้ำเปล่าเยอะขึ้นที่ว่า เยอะขึ้นกว่าปกติแค่ไหน และน้ำเปล่าที่ว่าเป็นน้ำเปล่าจริงๆ หรือแอบนับน้ำผลไม้ น้ำหวาน กาแฟ ชานม เข้าไปด้วยกันแน่
เพราะหนึ่งในสาเหตุหลักของอาการท้องผูกเกิดมาจากการขาดสารน้ำในร่างกาย และหลายครั้งที่เราคิดว่าเรากินน้ำเพียงพอต่อร่างกายแล้ว แต่ในความเป็นจริงมันอาจเป็นเพียงแค่ความรู้สึก แต่ไม่ได้ดีต่อการช่วยดันอุจจาระให้เคลื่อนผ่านลำไส้ได้ง่ายๆ
โดยปกติเมื่ออาหารผ่านมาถึงลำไส้ใหญ่ น้ำจะถูกดูดซึมออกจากอาหารจนเหลือแต่กากอาหารที่จะกลายเป็นอุจจาระต่อไป และในระหว่างที่ลำไส้บีบตัวทำงานเพื่อดันอุจจาระให้ไปที่ไส้ตรง ปริมาณน้ำก็จะถูกดูดซึมออกไปเกือบหมด ทีนี้หากเกิดภาวะท้องผูกขึ้น นั่นคือภาวะที่ลำไส้ใหญ่ดูดซึมน้ำออกมากเกินไปหรือลำไส้ใหญ่บีบตัวช้าเกินไป อุจจาระจึงเคลื่อนได้ช้าและแห้งแข็งยิ่งขึ้น
ดังนั้นน้ำจึงเข้ามาเป็นฮีโร่ ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ และช่วยให้กากใยพองตัว นิ่ม ไม่อุดตันลำไส้ และหากดื่มน้ำปริมาณ 8-10 แก้วให้ได้ตามที่เค้าว่ากันจริงๆ ได้ยิ่งดี เพราะการที่น้ำยิ่งถูกดูดซึมออกจากอาหารในกระบวนการของลำไส้ใหญ่มากเท่าไหร่ หมายความว่าร่างกายยิ่งขาดน้ำเท่านั้น ยิ่งส่งผลให้เกิดภาวะท้องผูกได้ง่ายขึ้นไปอีก
ทางที่ดีจึงควรดื่มน้ำตั้งแต่ตื่นนอน อาจเป็นน้ำเปล่า หรือน้ำอุ่นบีบมะนาวก็ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ได้ดี จากนั้นก็ดื่มระหว่างวันทั้งก่อนอาหารและหลังอาหาร และหลังจากเข้าห้องน้ำ รวมถึงเวลาก่อนนอน ก็เป็นเวลาที่ดื่มน้ำเพิ่มได้เช่นกัน
2. ฝึกพฤติกรรมการขับถ่ายให้เป็นเวลา
เราอาจเคยได้ยินเรื่องนาฬิกาชีวภาพในร่างกายของมนุษย์ ที่สามารถเกิดสถานการณ์ซ้ำๆ ได้ในช่วงเวลาเดิมๆ แบบอัตโนมัติ เช่น เวลาตื่นนอนประจำที่เราไม่จำเป็นต้องตั้งนาฬิกาปลุก เวลาง่วงนอนประจำที่ร่างกายจะต้องส่งสัญญาณ เป็นต้น เวลาในการขับถ่ายก็เช่นกันที่มักจะมาเป็นเวลา แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถแปรปรวนได้หากมีตัวแปรที่ส่งผลให้ไม่สามารถขับถ่ายเวลาเดิม และเมื่อถูกรบกวนเช่นนี้บ่อยๆ จึงส่งผลให้เกิดภาวะท้องผูกได้ง่าย
ดังนั้นไม่ว่าจะเร่งรีบแค่ไหน หรือมีวิถีชีวิตที่ไม่แน่นอนเพียงใด การฝึกตัวเองให้ขับถ่ายเป็นเวลาจึงจำเป็นอย่างยิ่ง เมื่อร่างกายจดจำเวลานั้นและส่งสัญญาณว่าต้องขับถ่าย เราเองก็ไม่ควรปฏิเสธสัญญาณนั้น พูดง่ายๆ คือไม่ควรกลั้นนั่นเอง ที่สำคัญคือควรให้เวลาในการขับถ่ายไม่รีบเร่งจนเกินไป ใช้การดื่มน้ำเป็นตัวกระตุ้นให้ขับถ่ายได้ง่ายก็ยิ่งดี หรือหากปรับท่านั่ง หาเก้าอี้เล็กมาเสริมใต้เท้า ให้ท่านั่งอยู่ในท่าชันเข่า อยู่สูงกว่าตำแหน่งสะโพก จะสะดวกต่อการถ่ายยิ่งขึ้น
แต่หากไม่สามารถขับถ่ายในเวลาเดิมได้จริงๆ แนะนำว่าให้เตรียมตัวหาจังหวะในการปลีกตัวไปทำธุระ หรือหาเวลาก่อนหน้าหรือหลังจากนั้นไม่นานเพื่อขับถ่าย โดยช่วงเวลาที่ดีต่อการขับถ่ายที่คุณหมอแนะนำจะเป็นช่วงหลังอาหารเช้า 20 นาที ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิถีชีวิตในการขับถ่ายของแต่ละคน หากใครสะดวกเวลาไหน ก็ควรเลือกขับถ่ายเวลานั้นเป็นประจำจะดีที่สุด
3. เพิ่มอาหารที่มีโปรไบโอติกเข้าสู่ร่างกาย
หลังจากแก้ท้องผูกด้วยการดื่มน้ำเปล่าให้เยอะขึ้น และปรับการขับถ่ายให้เป็นเวลา ให้ลำไส้จดจำและคุ้นชินในการบีบตัวตามเวลาเดิมแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้อีกข้อคือการเพิ่มอาหารที่มีโปรไบโอติกเข้าสู่ร่างกายให้มากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีอย่างรอบด้านนั่นเอง
โดยอาหารที่มีโปรไบโอติกนั้นไม่ใช่อาหารที่มีกากใยสูง แต่หมายถึงอาหารที่มีปริมาณจุลินทรีย์ชนิดดี เป็นจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของเรา ไม่ก่อโรคให้ร่างกาย แต่ช่วยสร้างสมดุลในระบบย่อยอาหารและปรับสมดุลการทำงานของลำไส้ให้เป็นปกติ จึงช่วยแก้ท้องผูกได้อย่างดี โดยกลุ่มจุลินทรีย์เหล่านี้จะมีมากใน โยเกิร์ต นมเปรี้ยว กิมจิ แอปเปิลไซเดอร์ เป็นต้น
แต่ปัจจุบันไม่ได้มีเพียงโปรไบโอติกในอาหารเหล่านี้เท่านั้น ยังมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอีกมากมายที่เป็นโปรไบโอติกดื่มได้ เรียกได้ว่าแค่ฉีกซองก็ชงดื่มได้ ทำให้ได้สารอาหารที่ดีและได้เพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ชนิดดีมาปรับสมดุลลำไส้อย่างสะดวกมากขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เร่งรีบของคนในยุคนี้ได้ดีทีเดียว และที่สำคัญคือไม่เป็นอันตราย ไม่ใช่การกินยาระบาย แต่เป็นเหมือนเครื่องดื่มที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้ให้ทำงานได้ดีอย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง
แก้ท้องผูกง่ายๆ แบบคุณหมอแนะนำ ด้วย “Holista Probiotic Fiber Detox”
หนึ่งในเครื่องดื่มโปรไบโอติกที่กำลังมาแรงและดีต่อภาวะท้องผูก ‘Holista Probiotic Fiber Detox’ ตัวนี้เป็นอีกหนึ่งสูตรช่วยปรับสมดุลลำไส้ที่คุณหมอแนะนำ สิ่งที่น่าสนใจของดีท็อกตัวนี้คืออุดมไปด้วยส่วนผสมที่ดีต่อระบบร่างกายแบบเน้นๆ คือช่วยฟื้นฟูได้ทั้งระบบขับถ่ายและระบบย่อยอาหาร
เริ่มตั้งแต่โปรไบโอติกหรือจุลินทรีย์ตัวดีที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ แตกต่างจากโปรไบโอติกทั่วไปตรงที่เป็นสายพันธุ์ที่นำเข้าจากอเมริกา และใช้นวัตกรรมปกป้องจุลินทรีย์ให้รอดชีวิตอยู่ได้ถึงลำไส้ ดังนั้นหากดื่มโฮลิสต้าจึงเหมือนส่งตรงโปรไบโอติกเข้าสู่ลำไส้โดยตรงซึ่งให้ผลที่ดีกว่าโยเกิร์ตถึง 100 เท่า
และเมื่อยิ่งมีอาหารของจุลินทรีย์ชนิดดีหรือก็คือ Prebiotic มากถึง 8 ชนิดยิ่งช่วยให้จุลินทรีย์เหล่านั้นมีชีวิตอยู่ได้นานยิ่งขึ้น เพิ่มการสร้าง Postbiotic ได้มากขึ้น ทำให้สุขภาพลำไส้แข็งแรง ช่วยขับถ่ายได้โล่งแบบไม่ต้องมีอาการปวดบิดและไม่ถ่ายพร่ำเพรื่อ ไม่ทำให้ลำไส้ขี้เกียจ ถึงหยุดทานก็ขับถ่ายได้ปกติ
นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบที่ดีต่อระบบอวัยวะต่างๆ ในร่างกายอีกเพียบ ทั้งเอนไซม์ธรรมชาติสกัดจากกีวีสีทองและขมิ้นชัน ดีต่อระบบย่อยอาหารและลดอาการอักเสบในร่างกาย ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง แก๊สเยอะ เรอเปรี้ยว ไม่ท้องอืดง่าย ลดกรดไหลย้อน และมี super fruits เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและต้านอนุมูลอิสระ พร้อมด้วย Wheatgrass ( ต้นอ่อนข้าวสาลี ) และรากแดนดิไลออนที่ช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดปัญหากลิ่นตัว และขับสารพิษในเลือดและในตับได้ด้วย หลังจากดื่มโฮลิสต้าเป็นประจำวันละซองก่อนนอน จะเห็นผลลัพธ์ว่าการทำงานของลำไส้ดีขึ้น ขับถ่ายเองได้แบบเป็นธรรมชาติ เรียกได้ว่าโล่งสบายท้องหลังขับถ่าย
และที่น่าสนใจมากคือโฮลิสต้าเป็นเครื่องดื่มโปรไบโอติกที่ได้รับรางวัลการันตีว่าเป็นนวัตกรรมสินค้าเพื่อสุขภาพในปี 2021 จากนิตยสารชีวจิต คุณหมอแนะนำ ได้รับรองมาตรฐานระดับสากล GMP, HACCP, HALAL และขึ้นทะเบียนอ.ย. ฉะนั้นจึงสามารถหาซื้อได้ที่ร้านยาและโรงพยาบาลชั้นนำ เช่น ร้านยา Healthy Max สาขา รพ.บำรุงราษฎร์, รพ.พระราม9, รพ.ศิริราชปิยมหาการุณย์, ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล หรือร้านสบายใจ, ร้านภูมิใจไทย, ร้านชีวิตดี by SCG ทุกสาขา ก็หาซื้อได้เช่นกัน
แนะนำว่าควรกินทุกวัน วันละซอง ชงดื่มก่อนนอน 2 ชั่วโมง เพระงั้นถ้าซื้อ 1 กล่อง มีทั้งหมด 7 ซอง (ราคา 1,890.-) ก็ทานได้หนึ่งสัปดาห์ แต่ถ้าซื้อช่วงโปรโมชั่น 1 แถม 1 ก็สามารถซื้อได้ 2 กล่องในราคา 990.- กินได้ 2 สัปดาห์ไปเลย ถือว่าเหมาะสำหรับคนที่อยากแก้อาการท้องผูกแบบตรงจุด ด้วยการหาเครื่องดื่มโปรไบโอติกที่ดื่มง่าย รสอร่อย และช่วยได้จริงๆ อ้อ! สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ความดัน หรือผู้สูงอายุที่ท้องผูกก็ทานได้นะ เพราะไม่มีน้ำตาล สามารถดื่มได้อย่างสบายใจ
นี่แหละ 3 วิธีแก้ท้องผูกง่ายๆ ที่คุณหมอเองก็แนะนำว่าทำแล้วดีต่อร่างกาย จะเห็นว่าเป็นวิธีที่ช่วยลำไส้ ช่วยร่างกายของเราให้ทำงานอย่างราบรื่นที่สุดจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น ช่วยให้กากใยนิ่ม เคลื่อนตัวในลำไส้ใหญ่ได้ดี การฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลาเพื่อให้ร่างกายจดจำและไม่ฝืนต่อกิจวัตร และการเพิ่มโปรไบโอติกหรือจุลินทรีย์ชนิดดีให้ร่างกาย เพื่อการปรับสมดุลลำไส้ให้ทำงานอย่างเป็นธรรมชาติ ฉะนั้นหากใครเจอปัญหาท้องผูกมา บอกเลยว่าอย่าเพิ่งพึ่งยาระบาย แต่ให้ลองทำตามนี้ดูก่อน แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ได้มันดีต่อลำไส้ ไม่ผิดหวังแน่นอน
